เซต NYX Lip Lingerie 12 สี

NYX Lip Lingerie

ด้วยความที่สีทั้ง 12 สีนั้น มีความใกล้เคียงกันสูงมาก ถ้ารีวิวตามเบอร์อาจจะดูเปรียบเทียบกันได้ยาก หนึ่งเลยจะจับกลุ่มให้เค้าหน่อย เป็นกลุ่ม Nude / Color และ Dark ครับ เพื่อง่ายต่อการดูโทนสีด้วย มาเริ่มกันที่กลุ่ม Nude เลยครับ

NYX Lip Lingerie # 11 Baby Doll นู๊ดส้มอมชมพูสว่าง

NYX Lip Lingerie # 07 Satin Ribbon นู๊ดส้ม ติ่งชมพูนิดนึง

NYX Lip Lingerie # 03 Lace Detail นู๊ดชมพูที่เข้มขึ้นอีกนิดนึง

NYX Lip Lingerie # 09 Corset นู๊ดน้ำตาลอ่อนโทนเหลือง แต่ก็มีติ่งชมพูนิดนึง

Swatch ในกลุ่ม Nude กลุ่มนี้ถ้าดูผ่านๆหรือดูจากตัวแท่ง จะแทบแยกกันไม่ออกเลย ต่างกันนิดเดียวจริงๆ คงเป็นเพราะอยากจะให้เป็น Perfect Nude ในสาวๆแต่ละสีผิวมากที่สุด สีเลยต่างกันแบบนิดเดียวมากๆ ซึ่งกลุ่มนี้หนึ่งมองว่า สาวผิวขาวเอาอยู่ ผิวกลางถึงขาวก็ยังพอไหว แต่ถ้าผิวสองสี อาจจะต้องประยุกต์ใช้กับลุคที่แต่งตาเข้มปากอ่อน เพราะสีค่อนข้างนู๊ดมากจริงๆ Lace Detail จะมีความตุ่นมากกว่าเพื่อน อาจจะเริ่มจากสีนี้ก็ได้ แล้วถ้าอยากได้อ่อนลงก็ลองดู Babt Doll กับ Satin Ribbon ส่วน Corset ก็จะเป็นนู๊ดที่น้ำตาลอ่อนไปเลย

.

.

มาดูกลุ่ม Color กันบ้างครับ หนึ่งว่ากลุ่มนี้ ทุกคนเอาอยู่ เป็นสีที่ไม่ยากจนเกินไป

NYX Lip Lingerie # 06 Push-Up ชมพูอมน้ำตาล ติ่งส้มนิดๆ

NYX Lip Lingerie # 08 Bedtime Flirt ชมพูอมส้ม สีนี้ทาง่ายดี ถ้าไม่รู้จะเลือกสีไหนก็ลองสีนี้ได้

NYX Lip Lingerie # 04 Ruffle Trim ส้มอิฐ จะดูสุภาพหน่อย ทาง่ายเหมือนกัน เข้ากับสีผิวได้ง่าย

NYX Lip Lingerie # 12 Exotic ส้มอมแดงอิฐ สีนี้สวยมาก อารมณ์ปูนแดงที่ไม่เข้มจนเกินไป

Swatch กลุ่ม Color ที่ให้ชื่อว่ากลุ่ม Color ก็เพราะกลุ่มนี้จะมีสีที่ชัดเจนขึ้นในโทนส้ม ชมพู แดง ทาแล้วดูมีสีสันมากขึ้น แต่ก็เป็นสีที่ไม่ฉูดฉาด สามารถเข้ากับผิวสาวไทยที่ส่วนใหญ่ผิวกลางๆในโทนเหลืองได้ ซึ่งเหมือนเดิม แต่ละสีต่างกันนิดเดียวจริงๆ 555 อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ ใครชอบโทนสีไหนก็ไปลองดูได้เลย สี Push-Up / Bedtime Flirt และ Ruffle Trim ถ้าไม่รู้จะเลือกสีไหน 3 สีนี้ค่อนข้างใช้ง่าย ไม่อ่อนไม่เข้ม ส่วน Exotic ก็จะเปรี้ยวขึ้นมานิดนึง

.

.

มาถึงกลุ่ม Dark กลุ่มเอาใสสาวอินเนอร์แรง ไม่แคร์เวิลล์ กลุ่มนี้หนึ่งชอบเป็นพิเศษ เพราะโทนสีแบบนี้หาไม่ง่าย น่ามีไว้ใช้ยามอยากเปรี้ยวครับ

NYX Lip Lingerie # 01 Honeymoon น้ำตาลเหลืองอมเทา สีออกคอนกรีตเบาๆแต่ดูทาได้จริงอยู่

NYX Lip Lingerie # 02 Embellishment ชมพูม่วงอมเทา สีนี้แปลกดี สวยดีด้วยนะ ไม่ค่อยเห็นสีแบบนี้เท่าไร

NYX Lip Lingerie # 10 Teddy น้ำตาลเข้มโทนเหลือง

NYX Lip Lingerie # 05 Beauty Mark น้ำตาลเข้มโทนแดง

Swatch กลุ่ม Dark คำว่า Dark ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายถึงสีเข้มๆอย่างเดียว แต่เป็นสีในโทนที่มีความตุ่นๆ มีความอมเทามากกว่าสีปกติด้วย สีจะดูมืดลง แต่ก็ไม่ใช่ความเข้มที่มาจากสีดำ สี Honeymoon และ Embellishment เป็นสีที่สวยมาก มีความเงียบความนิ่ง แต่ดูร้ายลึก เป็นสาวใสๆที่ซ่อนความแรงไว้ข้างใน 555 สี Teddy และ Beauty Mark มีความคล้ายกันมากๆ แบบที่มองจากแท่งแทบไม่รู้เลย แต่พอเทียบกันแล้วก็จะเห็นความต่างชัดเจนในเรื่องของโทนสีที่ออกเหลืองและออกแดง

เปรียบเทียบทั้ง 12 สีบนปากให้เห็นกันไปเลย พอจะเห็นภาพรวมเนอะว่าถึงเค้าจะคล้ายกัน แบบพอทาออกมาแล้วก็มีความต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาวๆแล้วแหละ ว่าจะชอบสีไหนกัน

Swatch ทั้ง 12 สี จะเห็นว่าเนื้อลิปนั้นแมทสนิทจริงๆ นี่คือหนึ่งทาประมาณ 1-2 ชั้นเท่านั้น และแอบแนะนำว่า ควรทาแค่ชั้นเดียวบางๆก็พอนะ เพราะเนื้อสีเค้าแน่น ถ้าทาหนาเกินไป อาจจะไม่สบายปากหรือจับตัวเป็นก้อนได้นะ ฉะนั้น ทีเดียวพอ รู้เรื่อง

เซต 4U2 Kiss Me Harder ทั้งหมด 19 สี

4U2 Kiss Me Harder ลิปจิ้มจุ่มสุดเซ็กซี่ขยี้ใจทั้งหมด 19 สี

01 Suit & Tie สีส้มสดออกพาสเทล

02 Bitch Me สีส้มก่ำ สีนี้ทาแล้วดูแพงขั้นสุดเลย

03 Miss Single สีน้ำตาลเข้ม ปล.ชอบชื่อสีมาก

ช่างตรงกับสถานะปัจจุบันอะไรเบอร์นี้ ฮ่าๆๆ

04 Mr. & Mrs. สีน้ำตาลก่ำ

05 I’m In Love สีชมพูอมน้ำตาลโทนสุภาพ

06 Again & Again สีชมพูอ่อนโทนสุภาพ

07 Make Me Jealous สีชมพูตุ่นๆโทนสุภาพ

08 Lonely Night สีชมพูอมคอรัล

09 Until Dawn สีนู้ดอมน้ำตาล

10 Erotic Minds สีนู้ดอมชมพูคอรัล

11 Touch Ma’ Body สีนู้ดอมชมพูสดใส

12 Missing You สีชมพูนม

13 So Do I สีชมพูนมอมม่วง

14 Heart Beat สีชมพูตุ่นอมแดง

15 Rock Me Babe สีแดงก่ำ

16 Bloody Hot สีแดงสดอมส้ม

17 Over the Rainbow สีชมพูอมม่วงพาสเทล

18 Hot Damn Boy สีม่วงก่ำอมแดง

19 Triple X สีม่วงเข้ม

ครบแล้วค่ะทั้ง 19 สี สาวๆโดนใจกับสีไหนกันคะ

เนื้อลิปทั้ง 6 แบบ

เนื้อลิปทั้ง 6 แบบ

1. ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาติน (Sheer and Satin Lipstick)

 

ลิปสติกเนื้อเชียร์และเนื้อซาตินมีสีสันเพียงบาง ๆ มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่เยอะ ให้ความมันวาวได้ดีระดับหนึ่ง ใช้เพื่อเน้นสีสันธรรมชาติของริมฝีปากให้ชัดเจนขึ้นหรือเติมสีสันใหม่ลงไปเพียงจาง ๆ เท่านั้น สามารถใช้แทนลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากไปพร้อม ๆ กับให้สีสันใส ๆ เป็นธรรมชาติ

เมื่ออยู่ในแท่งอาจดูมีสีเข้ม แต่จะอ่อนลงมากเมื่อนำมาใช้จริง ด้วยเม็ดสีที่ไม่แน่นทำให้มันเหมาะกับผู้ที่ไม่ปรารถนาการใช้ลิปสติกสีจัด และไม่อยากทาลิปกลอสให้เหนียวเหนอะริมฝีปาก อย่างไรก็ดีลิปสติกเนื้อเชียร์และเนื้อซาตินนี้สามารถทาทับได้หลายครั้งโดยไม่เป็นคราบนะคะ

2. ลิปสติกเนื้อครีม (Cream Lipstick)

ลิปสติกเนื้อครีมอัดแน่นไปด้วยเม็ดสี จึงให้สีสันที่จัดจ้านและชัดเจน ส่วนใหญ่จะใช้พู่กันลิปสติกในการทาลงที่ริมฝีปากเพื่อความสม่ำเสมอของพื้นผิวและสีสัน

รวมทั้งใช้ร่วมกับดินสอเขียนขอบปากสีเดียวกันหรือสีที่เท่ากับสีธรรมชาติของริมฝีปาก เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติกเปรอะเปื้อนออกนอกขอบเขตอีกด้วย

3. ลิปสติกเนื้อแมท (Matte Lipstick)

ลิปสติกเนื้อแมท ให้มีเม็ดสีที่แน่น ให้สีสันที่ชัดเจนโดยปราศจากความเงาวาวโดยสิ้นเชิง สามารถช่วยให้ริมฝีปากดูเรียวเล็กลงได้ด้วยการเลือกใช้สีสดใสหรือสีเข้มจัด แต่ก็มักเน้นให้เห็นริ้วรอยบนริมฝีปากด้วย

เนื้อลิปสติกที่ไร้ซึ่งความมันวาวมักทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย หากต้องการทาลิปสติกเนื้อแมทให้สวยจึงควรทาลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากเสียก่อน รวมทั้งเลือกใช้ลิปสติกเนื้อแมทที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและอโลเวรา ก็จะช่วยให้เรียวปากชุ่มชื้นและเนียนขึ้นได้นะคะ

4. ลิปสติกที่ให้ความแวววาว (Shine Lipstick)

ลิปสติกแบบมันวาวมีส่วนผสมของกลิตเตอร์เล็ก ๆ ที่ให้ประกาย รวมทั้งให้ความมันวาวแบบกลอสซี่ จึงทำให้ริมฝีปากดูเต็มและอวบอิ่ม

อย่างไรก็ดีควรหลีกเลี่ยงการทาลิปสติกชนิดนี้ลงบนริมฝีปากที่แห้งลอก เพราะจะยิ่งเน้นให้เห็นข้อบกพร่องของริมฝีปากได้ชัดเจน

5. ฟรอสตี้ลิปสติก (Frosty หรือ Pearlescent Lipstick)

ฟรอสตี้ลิปสติกมีประกายเล็กละเอียดแบบประกายมุก สีออกเหลืองขาวเล็กน้อย แต่ไม่มันวาวเท่ากับ Shine Lipstick มันเป็นที่นิยมมากในยุค 80’s

อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ลิปสติกประเภทนี้ ต้องเลือกสีที่เข้ากันได้กับสีผิวและสีอันเดอร์โทนของของผู้ใช้ ไม่เช่นนั้นอาจได้ลุคที่ดูป่วยและประหลาดเกินไปนะจ๊ะ

6. ลิปกลอสและทินท์

แม้ลิปกลอสและทินท์จะไม่ใช่ลิปสติก แต่ก็จัดอยู่ในพวกที่ให้สีสันกับริมฝีปาก ทั้งลิปกลอสและทินท์มักใช้คู่กัน โดนใช้ทินท์เพิ่มสีสันให้ริมฝีปาก และใช้กลอสทาทับเพื่อเพิ่มความแวววาว ทั้งนี้ไม่นิยมใช้ลิปกลอสเดี่ยว ๆ โดยไม่ทาทินท์หรือลิปสติกที่ริมฝีปากเสียก่อนนะคะ

5 ยี่ห้อลิปสติกที่ดีและคุ้ม

5  ยี่ห้อลิปสติกที่ดีและคุ้ม

 1   Maybelline color show lip color 

ลิปสติก Maybelline ขึ้นชื่อเรื่องสีสวยชัดเจน ติดทน หลายรุ่นอยู่เหมือนกัน สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยม นอกจากมีหลายหลายเฉดสีแล้ว ยังมีทั้งเนื้อแมทท์และเนื้อซาตินให้เลือกอีกต่างหาก แถมราคาเพียงแค่ 149 บาทเท่านั้นเอง 

2     Revlon super lustrous lipstick

ถ้าพูดถึงลิปสติกติดทน จาก Drugstore ไม่มีลิปสติก Revlon คงไม่ได้ โดยเฉพาะรุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นขายดี และได้รับรางวัล BEST OF RISING STAR PRODUCT-COSMETICS จาก WATSONS HBW AWARDS 2017 เชียวนะ ด้วยเฉดสีที่มีให้เลือกกว่า 20 เฉด มีตั้งแต่สีหวาน เปรี้ยว แซ่บ หรือสีแปลก ๆ อย่างม่วงเข้ม หรือสีน้ำตาล ที่สำคัญมีทั้งเนื้อแมทท์ เนื้อซาติน เนื้อเชียร์ ท้าให้เลือกกันเลย ราคาอยู่ที่ 189 บาท

3      Wet n wild megalast lipstick

อีกหนึ่งยี่ห้อที่ดังเปรี้ยงปร้างตั้งแต่ยังไม่เข้าไทย จนเข้าไทยแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกฮิต เพราะเฉดสีที่มีให้เลือกมากมาย เม็ดสีแน่น ทาแล้วได้สีตามแท่งเป๊ะ แถมติดทน และลิป wet n wild บางเฉดสี ยังถูกยกให้เป็นฝาแฝดกับยี่ห้อ Hi-end บางตัวอีกด้วย ราคาเมืองไทยแท่งละ 139 บาทว่าถูกแล้ว ถ้ามีโอกาสไปหิ้วมาจากต่างประเทศ ราคานี่ถูกกว่าครึ่งเลย มีหวังต้องเหมามาหมดทุกสีกันแน่นอน

        4          4U2 Lipaholic 

ช่วงหลังนี่ฮอตจริงอะไรจริง กับลิปสติกยี่ห้อนี้ เพราะมีการจับบล็อกเกอร์ชื่อดังของไทยมาครีเอทเฉดสีสวย ๆ ให้สาว ๆ ได้ตามล่ากันยกใหญ่ สำหรับรุ่นนี้เป็นลิปสติกเนื้อค่อนข้างแมทท์สักนิด มีให้เลือกหลายเฉด สีสันชัดเจน ติดทนนาน ด้วยราคาแท่งละ 159 บาท

5      Essence longlasting lipstick

ลิปสติกเนื้อซาติน เม็ดสีแน่น รุ่นนี้ชื่อก็บอกว่า Longlasting ก็แปลว่ามันต้องติดทนนาน แต่ด้วยความเป็นเนื้อซาติน ความวาวก็อาจจะมีลบเลือนไปบ้าง แต่สีของลิปสติกยังคงติดแน่นอน มีให้เลือกด้วยกัน 14 เฉดสี ในราคาแท่งละ 115 บาท